บทความวิชาการ

       บทความวิชาการ กับ สารอาหารสำคัญ ในผลิตภัณฑ์ เอเจล

Gel Absorption Technology


       AGEL เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ คือ Gel Suspension Technology ในการถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย เป็นนวัตกรรมที่ยังไม่เคยมีมาก่อนในวงการอาหารเสริมสุขภาพ

       AGEL Absorption Technology ที่ใช้ Gel Suspension Technology คือ ระบบการดูดซึมแห่งอนาคต แตกต่างจากการดูดซึมทั่วไปของสารอาหารแบบเม็ด ผง และน้ำ ที่จะต้องใช้ระบบการย่อยภายในร่างกาย ตั้งแต่กระเพาะ ลำไส้ในการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งจะถูกดูดซึมได้ประมาณ 10-50% เท่านั้น และใช้เวลาประมาณ 2-4 ชั่วโมง ในการเข้าสู่กระแสเลือด
       ในขณะที่ระบบ Gel Suspension Technology จะใช้เวลาในการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายเร็วมากภายใน 3-5 นาที เนื่องจากสามารถถูกดูดซึมตั้งแต่ช่องปาก เยื่อบุใต้ลิ้น กระพุ้งแก้ม และถูกดูดซึมได้ถึง 90-100% จึงทำให้สารอาหารออกฤทธิ์เร็ว ร่างกายได้รับในปริมาณที่แน่นอนจึงได้ประโยชน์เต็มที่ นอกจากนี้เจลยังมีรสชาติอร่อย รับประทานง่าย พกพาสะดวก ไม่ต้องแช่เย็น เปิดแล้วทานหมดแล้วทิ้ง สามารถรับประทานได้ตั้งแต่เด็กอายุ 3 ขวบไปจนถึงผู้สูงอายุได้ นอกจากนี้ยังเหมาะกับนักกีฬา และผู้ที่กำลังฟื้นฟูสภาพร่างกาย
      
       Gel Matrix Technology ประกอบด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ผลไม้ สมุนไพรสกัด ตัวสารออกฤทธิ์สำคัญต่างๆ ผสมลงในเจลที่เป็น Low-glycemic คือให้น้ำตาลต่ำมากจนถึงไม่มีเลย โดยเจลทำมาจาก Natural Guar Gum ที่ทำจากถั่ว และ Xanthan Gum ที่ทำจากข้าวโพด เจลเป็น Long chained polysaccharides ที่มีความสามารถดูดซับน้ำได้ดี ทำให้เวลาดูดซึมเข้าสู่ร่างกายจะกลับไปมีสภาพเหมือนในธรรมชาติ 100%

ข้อดีของ Gel-nutritional
  • ไม่มีใครเหมือน และไม่เหมือนใครมี
  • กลืนง่าย รสชาติดี
  • พกพาสะดวก จึงทำให้ได้รับสารอาหารทุกมื้อ
  • เห็นผลเร็ว และชัดเจน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อะไรคือ Guar Gum??
      
       Guar gum ได้จาก endosperm ของเมล็ดต้น guar (Cyamopsis tetragonolobus) มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดียและปากีสถาน ปัจจุบันมีปลูกในรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา โครงสร้างของ Guar gum เป็น โพลิเมอร์สายยาวของ mannose ที่ต่อกันด้วยพันธะ1,4 และมีกิ่งแขนงของ galactose โดยทุก ๆ 2 โมเลกุลของ mannose ต่อกับ 1 โมเลกุลของ galactose ด้วยพันธะ 1,6 ทำให้อัตราส่วนของ mannose ต่อ galactose เป็น 2:1 ซึ่งแสดงว่า Guar gum มีกิ่งแขนงของ galactose มากกว่า locust bean gum          
      
       Guar gum มีสมบัติเป็น non-gelling แต่กระจายตัวและอุ้มน้ำได้ดีในน้ำเย็น จึงใช้ทำหน้าที่หลักเป็นสารเพิ่มความหนืด เพิ่มความคงตัวและอุ้มน้ำ สามารถเกิด interact กับ Xanthan gum ทำให้สารละลายมีความหนืดเพิ่มขึ้น ความหนืดของสารละลาย Guar gum ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ pH เวลา ความเข้มข้น และขนาดของอนุภาคด้วย
       Guar gum เป็น non-ionic และทนต่อ pH ช่วงกว้างตั้งแต่ 4-10 ทำให้สามารถเติม อิเลคโตรไลต์ได้เป็นจำนวนมาก แต่ถ้ามีความเข้มข้นของอิเลคโตไลต์สูงกว่า 5% จะมีผลต่อการอุ้มน้ำและเกิดเจล
       Guar gum มีความสามารถในการอุ้มน้ำได้สูงสุดที่ pH 7.5-9.0
      

       ผลิตภัณฑ์อาหารที่นำ Guar gum ไปใช้ ได้แก่ ขนมหวาน ซอส ซุป ไอศกรีม น้ำสลัด ซุปผงและใช้เป็นส่วนผสมของน้ำเกรวี


ที่มา : http://www.lsbu.ac.uk/water/hygua.html
ที่มา:  รศ.ดร.ดุษฎี อุตภาพ  เรื่อง ตาร์โบไฮเดรตเทคโนโลยี บทที่ 4

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อะไรคือ Xanthan Gum??

Xanthan gum (Natural Hydrocolloid)

Xanthan gum เป็น gum ที่ได้โดยการหมักด้วยเชื้อแบคทีเรียบริสุทธิ์
คือ Xanthomonas campestris

มีโครงสร้างเป็น heteropolysaccahride ที่ประกอบด้วย glucose, mannose และ glucuronic acid

Xanthan gum ไม่มีคุณสมบัติเป็น gelling agent แต่สามารถเกิด elastic themoreversible gel ได้เมื่อรวมกับ Locust bean gum และเมื่อรวมกับ Guar gum จะให้สารละลายที่มีความหนืดสูง

ที่มา : http://www.lsbu.ac.uk/water/hygua.html
ที่มา : http://www.lsbu.ac.uk/water/hyloc.html
ที่มา : http://eu.lib.kmutt.ac.th/elearning/Courseware/BCT611/chapter4_5.html
ที่มา : บทที่ 4 สมบัติทางเคมีของคาร์โบไฮเดรท-ไฮโดรคอลลอยด์ และการประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรม
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สารต้านอนุมูลอิสระ คืออะไร?? 

       กลการใช้ออกซิเจนในกลไกปกติของร่างกายจะมีการสร้างสารเคมีขึ้นมาเรียกว่า อนุมูลอิสระ ซึ่งอนุมูลอิสระเหล่านี้จะมีอิเลคตรอนที่ไม่มีคู่ (unpaired electrons) ทำให้อนุมูลอิสระเหล่านี้ไม่สมบูรณ์เพราะขาดอิเลคตรอนบางส่วน ทำให้ต้องไปขโมยอิเลคตรอนจากโมเลกุลอื่นในเซลล์ของร่างกาย ทำให้เซลล์ร่างกายได้รับบาดเจ็บ หรือถูกทำลายอยู่ตลอดเวลา หรือเรียกกลไกนี้ว่า oxidation  ซึ่งมีผลทำให้ผนังเซลล์, ดี เอ็น เอ (DNA)  ซึ่งเป็นตัวกำหนดพันธุกรรม, กรดอะมิโน และโครงสร้างบางส่วนที่สำคัญของร่างกายเสียหาย
สารอนุมูลอิสระเหล่านี้ สามารถ :
    • มีผลต่อความเยาว์วัย
    • สามารถเป็นจุดเริ่มต้นทำให้เกิดมะเร็งต่าง ๆ เนื่องจากกลไกการทำลาย DNA ในเซลล์
    • เพิ่มอัตราการเป็นโรคหัวใจจากการทำให้ LDL cholesterol ไปเกาะที่ผนังหลอดเลือดเพิ่มมากขึ้น
    • สร้าง cataracts และส่งเสริมให้เลนซ์ตาเสือม สุดท้ายอาจตาบอดได้
    • ทำให้ข้ออักเสบเช่น arthritis
    • ทำลายเซลล์สมอง ทำให้เกิดสภาวะผิดปรกติของระบบประสาท เช่น Parkinson’s or Alzheimer’s disease
       สารต้านอนุมูลอิสระ มีผลทางด้านป้องกันการเกิดโรคทางหลอดเลือด เช่น atherosclerosis ในการศึกษาถึงการดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด พบว่า ผู่ป่วยหญิงที่เป็นโรคหัวใจ (Coronary Heart Disease (CHD))   มีอัตราการหายเป็น 34% reduction หลังจากให้รัปประทานวิตามิน E เข้าไป
กลไกสำคัญก็คือ:
  1. ป้องกันการเกิดออกซิเดชันของลิโพโปรตีน 
  2. เป็นไปได้ที่เกิดจาก การทำให้เซลล์เอนโดทีเรียลในร่างกายกลับมาทำงานอย่างปกติใหม่ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคหัวใจในระยะเริ่มแรก 
  3. เป็นไปได้จากกลไกการป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจจากการทำลายจากสารอนุมูลอิสระ 
       สารต้านอนุมูลอิสระ สามารถช่วยให้เซลล์กลับมาดีดังเดิม และช่วยให้สารอนุมูลอิสระถูกเติมเต็มด้วยอิเลคตรอนที่ขาดไป ทำให้เกิดสมดุลขึ้นหรือถูกปรับสภาพทำให้เป็นกลาง ถึงแม้ว่า ร่างกายจะสามารถสร้างสารต้านอนุมูลอิสระได้เอง เพื่อกำจัดสารอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในร่างกายในแต่ละวัน แต่ภาวะต่าง ๆ เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ หรือการขาดการออกกำลังกาย การได้รับสารมลพิษต่าง ๆ ประจำวัน การได้รับรังสีจากแสงแดด หรือรังสีเอกซเรย์ ทำให้ร่างกายไม่สามารถที่จะต้านสารอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นนี้ได้อย่างครอบคลุม จึงทำให้เราต้องเสริมเข้าไปโดยการรับประทานเสริม
       การวิจัยในระยะแรกจะมุ่งเป้าไปที่ วิตามิน A, C และ E ที่เรียกรวมว่า ‘ACE’ vitamins และเกลือแร่ เช่น ซีเลเนียม ทองแดง และสังกะสี แต่ในระยะช่วง 2-3 ปี นี้ นักวิจัยพบว่า สารต้านอนุมูลอิสระมีประสิทธิภาพที่ดีกว่ามากและมีประมาณมากกว่า ก็คือ สารต้านอนุมูลอิสระที่ได้จากพืช และสัตว์

แปลจากเนื้อหาบางส่วนของ website:
http://www.healthyeatingclub.org/info/articles/vitamins/antioxidants.htm
แปลและเรียบเรียงโดย รศ.ดร. นันทนา อรุณฤกษ์
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Fucoidans: anti-tumor activity

Two fucoidans in the holdfast of cultivated Laminaria japonica

Tomohiro Ozawa1, Jynji Yamamoto2, Takashi Yamagishi3, Noriyuki Yamazaki4 and Makoto Nishizawa5 

Journal of Natural Medicines: Volume 60, Number 3 / July, 2006

บทคัดย่อ  สารฟูคอยแดนส์ 2 ชนิด ที่แยกได้จากสาหร่าย Laminaira japonica ชนิดหนึ่งคือ  L-fucoidan ที่อุดมไปด้วย ฟูโคส (fucose) และฟอสเฟต อีกชนิดหนึ่ง อุดมไปด้วย ยูโรเนต (urinate) โดยที่ L-fucoidan พบได้ในสาหร่ายชนิด L. japonica (ทั้งชนิดเพาะเลี้ยงและแบบที่เจริญจากสภาพธรรมชาติ), L. angustata และ Kjellmaniella crassifolia และ GA-fucoidan สารฟูคอยแดนซ์ทั้งสองชนิดนี้ มีฤทธิ์ต้านเนื้องอก ชนิด Adenocarcinoma 755-transplanted ในหนูทดลอง จากการที่ให้หนูได้รับ โดยการกิน

Keywords  Fucoidan - Anti-tumor activity
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Fucoidan: ต้านการเจริญของเซลล์มะเร็ง
      
       สารโพลีแซคคาไรด์มากมาย ที่มีฤทธิ์ต้านเนื้องอก 
  • ฟูคอยแดนซ์ จาก Eisenia bicyclicsk, L. japonica  มีฤทธิ์ต้านการเจริญของมะเร็ง sarcoma
  • ฟูคอยแดนซ์ จาก L. japonica  ยับยั้งการเจริญของ มะเร็งตับ (hepatoma)

  • ในห้องปฎิบัติการ ยับยั้งการเพิ่มจำนวนและกระตุ้นให้เซลล์เข้าสู่โปรแกรมการตาย (apoptosis) ในมะเร็งชนิด มะเร็งเม็ดเลือดขาวในมนุษย์ ชนิด HS-Sultan cell lines นอกจากนี้

  • ฟูคอยแดนซ์ จาก L. saccharina, L. digitata, F. serratus, F. distichus, F. vesiculosus สามารถยับยั้ง การเจริญของมะเร็งเต้านม ที่จะเข้าไปเกาะติดกับเกล็ดเลือด ซึ่งเป็นขบวนการหนึ่งของการเจริญและแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ฟูคอยแดน (fucoidan) กำหนดการตายให้เซลล์มะเร็ง

        สารฟูคอยแดนมีกลไกในการกำหนดการตายให้กับเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว เกี่ยวข้องกับ ERK1/2, JNK, glutathione, และ nitric oxide

Jin JO, Song MG, Kim YN, Park JI, Kwak JY.

Department of Biochemistry, School of Medicine and Medical Research Center for Cancer Molecular Therapy, Dong-A University, Busan 602-714, Korea.

บทคัดย่อ

       สารฟูคอยแดน ซึ่งก็คือ โพลีแซคคาไรด์ซัลเฟต ในสาหร่ายทะเลสีน้ำตาล สารฟูคอยแดนนี้ มีคุณสมบัติทางชีวภาพมากมาย คุณสมบัติหนึ่งคือ ความสามารถในการต้านเนื้องอก
      
       จากการวิจัยพบว่า สารฟูคอยแดน สามารถทำให้เซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว เข้าสู่การตายแบบ apoptosis คือ กำหนดให้มีการตายแบบไม่มีผลที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น การอักเสบ เกิดขึ้น เลย เป็นการกำหนดให้เซลล์เข้าสู่ขบวนการตายในเซลล์มะเร็งหลายชนิด เช่น HL-60, NB4, and THP-1 cells แต่ไม่เกิดกับเซลล์บางชนิด เช่น K562 cells โดยสารฟูคอยแดน ทำให้เซลล์มะเร็งชนิด HL-60 cells เข้าสู่ภาวะที่เอนไซม์ caspases-8, -9, และ -3 ทำงาน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของภาวะการนำเข้าของสารเข้าออกไมโตคอนเดรียของเซลล์เม็ดเลือดขาว ทำให้เซลล์มะเร็งตายได้ นอกจากนี้ ยังยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ต่าง ๆ ภายในเซลล์ อีกมากมาย ซึ่งเป็นกลไกที่เกิดขึ้นกับเซลล์มะเร็ง แต่จะไม่เกิดขึ้นกับเซลล์ปกติ

PMID: 20572161 [PubMed - as supplied by publisher]

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ฤทธิ์ต้านเนื้องอกของสารสกัดฟูคอยแดน
      
       ได้มีการทดลองนำเอา เนื้องอกชนิด Sarcoma 180 ซึ่งเป็นเนื้องอกในช่องท้องของหนู มาฉีดเข้าใต้ผิวหนังของหนู 2 กลุ่ม
              กลุ่มแรก ไม่ได้กินอาหารที่ผสมสารฟูคอยแดน
              กลุ่มที่ 2  ให้กินอาหารที่ประกอบด้วยสารฟูคอยแดน
      
        โดยให้กินเป็นเวลานาน 20 วัน พบว่า หนูที่ได้กินอาหารที่มีสารฟูคอยแดน นั้น มีเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด NK-cells ที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดเซลล์เนื้องอกปริมาณมากขึ้น และพบว่า น้ำหนักของเนื้องอกที่เกิดขึ้นในหนูที่กินสารฟูคอยแดน ลดลง

(รายงานวิจัยของ West Japan, Chugoku, and Shikoku Chapter of 2003 Japan Society of Bioscience, Biotechnology, and Agrochemistry; West Japan Chapter of the Japanese Society of Nutrition and Food Science; Joint Chapter of West Japan and Kagoshima of the Japanese Society for Food Science and Technology)